เพชรซาอุฯ ย้อนรอยคดีอาถรรพ์ บลูไดมอนด์ เวลา 30 ปีผ่านไป พระราชโอรสซาอุดีอาระเบีย ส่งคำเชิญชวน พล.อำเภอประยุทธ์ หารือข้อราชการ
ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เมืองไทยได้รับคำเชิญชวน ของพระราชโอรสพระมะหะหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด องค์รัชทายาท รองนายกฯ แล้วก็รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทาง พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์อร่อย นายกรัฐมนตรี แล้วก็ รัฐมนตรีว่าการกลาโหม พร้อมภาควิชาจากเมืองไทยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ สำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบีย (Royal Court) วังอัล ยะมามะฮ์ (Al Yamamah Palace)
ย้อนคดีแตกแยก คดี เพชรซาอุฯ ทำ 2 ประเทศแตกหัก
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อปี 2531 กับผู้ชายที่มาของเรื่องที่ชื่อ ยิ่งใหญ่ เตชะโม่ง หนุ่มเมืองเถิน จ.จังหวัดลำปาง ที่จบการศึกษา ม.3 ก็ยอมกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายให้นายหน้า 2 หมื่นบาท เพื่อไปขุดทองที่ ซาอุดีอาระเบีย ตามความฝันของนักเสี่ยงโชคในยุคนั้น แล้วก็ทันที่เดินทางไปยังเมืองทะเลทราย นายยิ่งใหญ่ ก็ได้เข้าไปดำเนินการเป็นคนงานในบริษัทรับเหมารักษาความสะอาดให้พระราชวังของพระราชโอรสไฟซาล บิน ฟาฮัด อัล ซะอูด
– ประยุทธ์ เข้าเฝ้า พระราชโอรสมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน จนถึงเพียรพยายามสะสางอย่างที่สุดแล้ว
จนถึงวันหนึ่งคนใดกันแน่เลยจะทราบดีว่า ประวัติจะได้จารึกชื่อของเขาในฐานะ จอมโจรลักขโมยเพชรซาอุฯ เพราะเหตุว่าในเดือนที่ทะเลทรายเร่าร้อนกว่าธรรมดา พระราชโอรสไฟซาล ก็ได้พาครอบครัวเดินทาง ไปตากอากาศในเมืองท่าหาดทรายเมดิเตอร์เรเนียน แล้วก็ขณะเดียวกันนั้นเองบริษัทฯ ที่ นายยิ่งใหญ่ทำอยู่ ได้เข้าทำความสะอาดวังของพระราชโอรสตามวงรอบพอดี
ทันควันที่ นายยิ่งใหญ่ ได้เห็นวังโอ่อ่าซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองหลวงบนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ภายในมีตึกหลายหลัง มีห้องยิบย่อยต่างๆอีกกว่า 100 ห้อง แล้วก็มีรั้วสูงกว่า 3 เมตร ล้อมรอบทั้งยัง 4 ด้าน เกือบทุกห้องตกแต่งด้วย เพชรนิลจินดามีค่า แววตาเขาแวววาวกับเพชรนิลจินดา สร้อย แหวน นาฬิกา ที่วางเกลื่อนกลาดเรี่ยราดเรี่ยตามตู้โชว์ โต๊ะแต่งตัว แม้กระทั้งตู้นิรภัยก็มีกุญแจเสียบติดอยู่ไว้ เปรียบเสมือนข้าวของไร้ค่า เพราะกฎหมายของตรงนี้ จัดว่าร้ายแรงมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นคดีลักทรัพย์ จำต้องถูกตัดมือสถานที่เดียว
แต่กฎหมายมาตรานี้ไม่อยู่ในสายตาของหนุ่มไทยที่ถูกความอยากได้ครอบงำ นายยิ่งใหญ่ เบาๆลอบดูลาดเลาพร้อมหาทางหนีครั้งไล่กับแม่บ้านที่รอทำหน้าที่เปิด – ปิดประตูวัง เมื่อคอยจนถึงคนงานทำความสะอาดของบริษัทกลับออกไปจนถึงหมด เขาตัดสินใจแอบซ่อนตัวเสมือนหนูตัวเล็กๆในวังอันโอ่โถง
เมื่อกวาดเงินประเภทเพชรได้ก็ใส่กระสอบปุ๋ย ได้ 4 กระสอบ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปโยนไว้นอกรั้ววัง รวมทั้งเดินหลีกเร้นผ่านสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์เพียงแต่ไม่กี่คนไปได้ หลังได้เงินจำนวนไม่ใช่น้อยมาแล้ว เขาก็ขอไปอาศัยชั่วคราวกับสหายแรงงานคนประเทศไทยที่สนิทกันในวงไฮโลเพื่อคอยแพ็คใส่กล่องปะปนอาหารของเครื่องใช้สอยส่งพัสดุภัณฑ์ทางอากาศมายังเมืองไทย เมื่อส่งของเสร็จแล้วเขาก็รีบบึ่งไปยังสนามบินเพื่อหลบหนีกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดเกือบจะโดยทันที
เมื่อถึงผืนแผ่นดินไทยในสนามบินดอนเมือง นายยิ่งใหญ่ ก็เลยตามไปรับของที่เขาส่งมาก่อนหน้านี้ โดยไปสนทนากับเจ้าหน้าที่ศุลกากรระดับล่างที่ทำหน้าที่ตรวจการ พร้อมทั้งกล่าวถึงว่าภายในกล่องที่ส่งมาเป็นของใช้ของสอยแล้วก็เครื่องมือที่นำไปดำเนินการที่ซาอุฯ พร้อมทั้งมอบเงินปริมาณหนึ่งให้เจ้าหน้าที่คนที่ใครๆก็รู้จักกล่าวเป็นค่าอำนวยความสะดวก
เจ้าหน้าที่คงมีความเห็นว่าเขาเป็นแค่คนบ้านนอก แต่งตัวเสมือนแรงงานทั่วไป ภายในสัมภาระคงไม่มีอะไรไม่ถูกกฎหมาย ก็เลยเปิดดูแม้กระนั้นด้านบนเพียงแต่ผิวเผิน แล้วผงกศีรษะอนุญาตให้จอมโจรขโทยเพชรเข้าประเทศพร้อมเครื่องเพชรที่ซุกอยู่ก้นลัง แล้วต่อจากนั้นเขาก็รีบออกจากสนามบิน มุ่งตรงกลับ จ.จังหวัดลำปาง บ้านเกิดโดยทันที
เมื่อถึงที่บ้านเกิดเขาเริ่มต้นดำเนินชีวิตสุรุ่ยสุร่าย ราวมหาเศรษฐีโปรยหว่านเงินที่ได้จากแนวทางการขายอัญมณีที่ลักขโมยมาไปทั่วเมือง ทั้งยังแจกวงศ์ญาติเพื่อนเกลอ แล้วก็เอาใจใส่ดูแลผู้หญิงจนถึงกิตติศัพท์ของเด็กหนุ่มที่ทยอยขนเพชรมาขายเริ่มขจรขจายไปทั่วเมืองเถิน จนถึงดังข้ามภาคไปน่าฟังของ นายสันติ ศรีธนะขันธ์ พ่อค้าเพชรรายใหญ่จากเมืองหลวง แล้วก็นี่เองคือจุดเริ่มแรกของ อาถรรพ์เพชรซาอุฯ ที่สร้างความสูญเสียตลอดชีพ เงิน กิตติศัพท์ เกียรติยศ เกียรติยศของชาติ จำนวนมากจนถึงตีค่ามิได้
เวลาเดียวกันในเวลานั้น บรรยากาศภายในวังกำลังทุรนทุรายมากกว่าอากาศตอนกลางวันของตรงนั้น เมื่อ พระราชโอรสไฟซัล กำลังไม่พอใจกับการตามหานาฬิกาเรือนโปรด แม้กระนั้นยิ่งหากลับยิ่งพบว่าเครื่องประดับสูงค่าหลายร้อนชิ้นต่างหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย พระราชโอรสถึงกับโกรธอย่างมาก ออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ตามล่าหามือมืดเพื่อนำทรัพย์สินกลับมา
ด้าน บริษัททำความสะอาดถูกทางการซาอุฯ เรียกมาสอบสวน ก่อนพุ่งเป้าผู้ต้องสงสัยลำดับต้นๆมาที่ นายยิ่งใหญ่ เตชะโม่ง ที่หนีออกจากบริษัทโดยไม่บอกเล่าแม้ว่ายังเหลือสัญญาว่าจ้างอีก 2 ปี แล้วต่อจากนั้น ทางการซาอุฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ฝีมือเยี่ยมพร้อมกลุ่มนักการทูตชุดใหญ่มาเมืองไทย เพื่อขอความร่วมมือจาก พล.ต.อำเภอแสวง ธีระสวัสดิ์ อธิบดีกรมตำรวจในตอนนั้น
จนกระทั่ง พล.ต.ต.ชลอ เกิดเทศ , พล.ต.ต.งาม สะวิติดอยู่ไม่น แล้วก็ตำรวจน้อยใหญ่ฝีมือเยี่ยมอีกเยอะมาก ถูกเรียกตัวมาคลี่คลายคดีตามหาเพชรคืนเจ้าของ ชุดคลี่คลายคดีใช้เวลาไม่นานนักก็ตามรวบ นายยิ่งใหญ่ ได้ขณะกบดานอยู่ในบังกะโลกับหญิงค้าบริการ ขอบตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านแม่สอด แล้วต่อจากนั้นดำเนินการสอบสวน นายยิ่งใหญ่ อย่างหนักเพื่อให้คายข้อมูล
ว่ากันว่าที่ดินทุกตารางนิ้วรอบบ้านของเขาถูกเจ้าหน้าที่ขุดจนถึงพรุนเพื่อค้นหาเพชร ต่อมา นายยิ่งใหญ่ ถูกพามาแถลงข่าวที่เมืองหลวง พร้อมเครื่องเพชร-ทองสิ่งมีค่า ที่ตามยึดคืนได้ เมื่อยิ่งใหญ่ติดตะราง วิธีการขนย้ายมีค่าคืนเจ้าของก็เริ่มขึ้น แม้กระนั้นเมื่อพระราชโอรสนับเงินที่หายไปปรากฏว่า ได้หลักฐานคืนไม่ครบ แล้วก็จำนวนหลายชิ้นยังเป็นของเลียนแบบ
แม้กระนั้นนั่นไม่มีความสำคัญพอๆกับ บลูไดมอนด์ เพชรเม็ดใหญ่ประจำราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ที่ตีค่ามิได้ กลับไม่อยู่ในหลักฐานพื้นที่การไทยส่งกลับให้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความเกี่ยวพันทางการนักการทูตระหว่างทั้งคู่ประเทศก็ขาดสะบั้นสะบั้นหั่นแหลกจนถึงยากที่จะกลับมาดังเดิมได้อีก
ถึงแม้มหากาพย์คดีจารกรรมสะท้านโลก ผ่านมานานกว่า 30 ปี ดังนี้ พระราชโอรสไฟซัล เจ้าของเพชรก็ได้สวรรคตไปนานแล้ว ทั้งลูก – ภรรยาสันติ พ่อค้าเพชร บวงสรวงชีวิตจากกระบวนการเค้นสอบนอกรีตนอกรอยของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ส่วน นายยิ่งใหญ่ คนที่มาของเรื่อง รวมถึง พล.ต.ท.ชลอ แล้วก็ทีมงาน ก็ต่างใช้เวรในคุกกันหมดแล้ว
อย่างไรก็แล้วแต่ ส่วนปริศนาคนใดกันแน่เอาชีวิตเจ้าหน้าที่นักการทูตซาอุ ฯ – คนใดกันแน่ยังครองเพชรบลูไดมอนด์ ที่ลืออ้างกันว่ามีอาถรรพ์บนคำสาปแช่งอยู่ในนั้นยังคงเป็นประวัติศาสตร์ที่ดำสนิทต่อไป จนกระทั่งพ้นมา 30 ปี ปริศนาที่ว่า เพชรบลูไดมอนด์อยู่ที่คนใดกันแน่ก็ยังไม่อาจจะทราบได้ แม้กระนั้นที่คนไม่ใช่น้อยเชื่อก็คือ อาถรรพ์เพชรซาอุฯ เป็นคำสาปแช่งที่จำต้องจับตา