ขณะนี้ดูเหมือนจะมาแรงกว่าคนใดกันเพื่อนพ้องสำหรับ เบรนดินแดน ร็อดพบร์ส กุนซือ เลสเตอร์ สิตี้ กับการถูกมองดูเป็นเยี่ยมในผู้จัดการทีมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล็งดึงมาคุมกลุ่ม ถ้าตกลงใจปลด โอเล่ กุนท้องนาร์ โซลชา พ้นตำแหน่งนายใหญ่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งแน่ๆว่า ในกรุ๊ปแฟนบอล “ภูติผีแดง” มีทั้ง “เอานะ” แล้วก็ “ไม่เอา” โดยเหตุผลของฝ่ายหลังสำคัญๆก็หนีไม่พ้นการที่ ร็อดพบร์ส เคยคุมกลุ่มศัตรูนิรันดรอย่าง ลิเวอร์พูล มาก่อน แถมเป็นผู้ฝึกสอนที่ยังไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระดับหัวแถวของวงการ หรือมีดีกรีคู่ควรที่จะเป็นผู้จัดการทีมให้กับชมรมที่ยิ่งใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด
แม้กระนั้น ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ร็อดพบร์ส ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นผู้จัดการทีมฝีมือเยี่ยม แล้วก็มีสไตล์ทำทีมที่น่าดึงดูดคนหนึ่ง ถึงแม้ว่ายังไม่มีอยู่ในระดับเดียวกับตัวท็อปๆอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, พบร์เก้น คล็อปป์ หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ตาม แล้วก็นี่เป็น 5 เหตุผลเน้นย้ำๆที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะทดลองดึง ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 48 ปี มาคุมกองทัพ
– สามารถสืบต่องานจาก โซลชา ได้
แน่ๆว่า ชื่อของ ซีเนดีน ซีดาน แล้วก็ เอริค เทน ฮาก อาจมองน่าสนใจใจกว่า แต่การมาของพวกเขานั้น “ภูติผีแดง” บางครั้งก็อาจจะจะต้องมีการ “เปลี่ยนครั้งใหญ่” อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องขุมกำลังนักเตะ แต่สำหรับ ร็อดพบร์ส แล้ว เหมาะอย่างยิ่งกับการทำกลุ่มตามแผนการระยะยาวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังทำอยู่ในช่วงเวลานี้ ด้วยเหตุว่าที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขามีครบทุกๆอย่างอยู่แล้ว แถมทำงานโดยที่ไม่ต้องกดดันมากมายด้วย แล้วก็ที่สำคัญ ร็อดพบร์ส เป็นผู้จัดการทีมที่เน้นย้ำปั้น, ถูกใจปรับปรุงของที่มีอยู่ และไม่ได้ใช้เงินสิ้นเปลืองไปกับการเสริมกองทัพ ซึ่งจุดนี้บอร์ดบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะเยี่ยมมากๆซึ่งถ้าพวกเขาพร้อมที่จะให้เวลาทำงาน อย่างกับที่ให้กับ โซลชา ล่ะก็… ร็อดพบร์ส ถือเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดทีเดียว
– เกมรุกตื่นเต้นแน่
แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด หลายท่านคงหงุดหงิด แล้วก็อึดอัดไม่น้อยกับสไตล์การทำกลุ่มของ โซลชา ที่ไม่ดุดันมากพอ ทั้งๆที่ในกลุ่มมีกรุ๊ปผู้เล่นแนวรุก ซึ่งน่าจะโหดเหี้ยมสุดในลีกเลยก็ว่าได้ เมื่อแลเห็นชื่อของนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เอดินสัน คาวานี่, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวู้ด, อ็องโตนี่ มาร์กสิยาล รวมทั้งจอมทัพคนเก่งอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซึ่งปัญหาที่ตรงนี้บางครั้งก็อาจจะถูกปลดล็อกโดย ร็อดพบร์ส ด้วยเหตุว่าก่อนหน้านี้นั้น เขามีสไตล์การทำกลุ่มที่มองสนุกสนาน ตื่นเต้น ไล่ตั้งแต่ตอนคุม สวอนซี สิตี้ มาจนกระทั่ง ลิเวอร์พูล แล้วก็ เซลติเตียนกรัม.. อย่าลืมนะครับว่า ในฤดูกาล 2013/14 ที่ ลิเวอร์พูล ตกม้าตาย ถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก นั้น เขานำกองทัพ “หงส์แดง” ซึ่งมี หฝ่าส์ ซัวเรซ แล้วก็ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เป็นเครื่องจักรผลิตสกอร์ เข้าป้ายอันดับสอง แล้วก็ทำได้ถึง 101 ประตู!!! ทดลองจินตนาการดูแล้วกันครับว่า มันจะโหดเหี้ยมแค่ไหน ถ้าเขามีนักเตะกรุ๊ปที่ว่าเอาไว้ตอนแรกอยู่ในกำมือ
– มีประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก
ถ้าเลือกผู้ฝึกสอนบิ๊กเนมผู้อื่นอาจจะต้องให้เวลาพวกเขาสำหรับการปรับตัว แต่ประเด็นนี้ไม่มีความสำคัญสำหรับ ร็อดพบร์ส ที่มีประสบการณ์เพียบในเวที พรีเมียร์ลีก (257 เกม) แถมคุมชมรมมาแล้วทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชมรมเล็กๆอย่าง สวอนซี สิตี้, กลางๆอย่าง เลสเตอร์ สิตี้ ในตอนนี้ หรือชมรมยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล โดยเหตุนี้ถ้าเอ่ยถึงเรื่องประสบการณ์ในลีกแห่งนี้ คงไม่มีอะไรน่าวิตกสำหรับ ร็อดพบร์ส
– ดีกรีพอได้
ผู้คนจำนวนมากบางครั้งก็อาจจะด้อยค่า ร็อดพบร์ส ในเรื่องเกี่ยวกับการ “แผ่วๆปลาย” หรือเป็นผู้จัดการทีมที่ถูกใจฟอร์มหลุดในช่วงโค้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นตอนคุม ลิเวอร์พูล ที่วืดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่น 2013/14 หรือสองซีซั่นล่าสุดกับ เลสเตอร์ ที่เจ้าตัวพาทีมหลุดจากโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างโชคร้าย แต่อย่าลืมว่า ร็อดพบร์ส ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งตอนคุม เซลติเตียนก ช่วงระหว่างปี 2016-2019 ด้วยเหตุว่าในช่วงเกือบๆ3 ปีที่ตรงนั้น เขาพาทัพ “ม้าลายเขียว-ขาว” ได้แชมป์ สกอตติเตียนช พรีเมียร์ชิพ 2 ยุค, สกอตติเตียนช คัพ 2 ยุค แล้วก็ สกอตติเตียนช ลีก คัพ 3 ยุค รวมๆแล้ว ร็อดพบร์ส ได้แชมป์ถึง 7 รายการ ในถิ่น เซลติเตียนก พาร์ค แม้เป็นการคุมกลุ่มในลีกไม่ยากอย่าง สกอตแลนด์ แต่ความสำเร็จระดับนี้ จัดว่าไม่ธรรมดาเลย แถมฤดูกาลที่แล้วได้แชมป์ เอฟเอ คัพ กับกองทัพ “จิ้งจอกไทย” ด้วย
– กล้าได้ กล้าเสีย
อย่างที่บอกไปในข้อที่แล้ว ถึงแม้ว่า ร็อดพบร์ส ถูกมองดูเป็นผู้จัดการทีมจอมแผ่วๆปลาย แต่ในเรื่อง กล้าได้ กล้าเสีย นั้น จะต้องยกให้เขา ด้วยเหตุว่าการนำกลุ่มอย่าง เลสเตอร์ ขึ้นมาอยู่ในกรุ๊ปบนตาราง แล้วก็สามารถประมือกับชมรมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล แล้วก็ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้อย่างสูสีตลอดช่วงสองฤดูกาลก่อนหน้านี้ ถือเป็นภาพสะท้อนให้มีความคิดเห็นว่า ร็อดพบร์ส เป็นผู้จัดการทีมที่พร้อมบวกอยู่แล้ว ไม่มีคำว่า “กลัว” อยู่ในหัวแน่ๆ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นแคแรคเตอร์ที่ดีสำหรับเพื่อการเป็นผู้จัดการทีม